ดูดไขมันคืออะไร ไขข้อข้องใจกับหมอพีท
ไขข้อข้องใจการดูดไขมัน (Liposuction) คืออะไร มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร อันตรายไหม ระหว่างทำดูดไขมันเจ็บไหม เหมาะกับใครบ้าง อาจารย์หมอพีท มีคำตอบค่ะ
“ ศัลยกรรมดูดไขมัน (Liposuction) คือ การทำศัลยกรรมที่จะช่วยกำจัดปัญหาไขมันส่วนเกินในร่างกายให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสม เช่นไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง, เอว, สะโพก, ต้นแขน, ต้นขา, เหนียง และอก เป็นต้น ด้วยการลดจำนวนเซลล์ไขมันในร่างกาย ส่งผลให้โอกาสกลับมาอ้วนเหมือนเดิมเป็นไปได้ยาก ซึ่งต่างจากการควบคุมอาหาร ออกกำลังกายที่จำนวนเซลล์ไขมันยังมีจำนวนเท่าเดิม เพียงแค่ฟีบลงชั่วขณะ ถ้าเมื่อไรวินัยการคุมอาหาร ออกกำลงกายหย่อนลง ก็สามารถกลับมาอ้วนเหมือนเดิม หรืออาจมากกว่าเดิมได้ จากตรงนี้เองจึงนับว่าเป็นวิธีที่นิยมกันมากในปัจจุบัน แถมยังช่วยให้เรามีสัดส่วนที่ดูดีอย่างความปลอดภัย ใช้เวลาน้อย และเห็นผลได้อย่างชัดเจนหลังทำด้วยครับ”
“ วิธีการนี้ไม่ใช่การลดน้ำหนักอย่างที่หลายๆคนคิด ถึงแม้ว่าจะทำให้มีรูปร่างที่ผอมลง และมีสัดส่วนที่เล็กลง ซึ่งปัจจุบันการทำศัลยกรรมนี้มีความเสี่ยงและความอันตรายที่น้อยมากถ้าเราเลือกสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือและได้มาตรฐาน มีห้องผ่าตัดที่ปลอดเชื้อ และมีทีมวิสัญญีแพทย์เฉพาะทางคอยเฝ้าระวังอาการอย่างต่อเนื่องครับ”
ใครที่เหมาะกับการดูดไขมันบ้างคะ อาจารย์หมอ ?
ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถทำได้ครับ เหมาะสำหรับกับคนเหล่านี้
“ วิธีการนี้ไม่ใช่การลดน้ำหนักอย่างที่หลายๆคนคิด ถึงแม้ว่าจะทำให้มีรูปร่างที่ผอมลง และมีสัดส่วนที่เล็กลง ซึ่งปัจจุบันการทำศัลยกรรมนี้มีความเสี่ยงและความอันตรายที่น้อยมากถ้าเราเลือกสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือและได้มาตรฐาน มีห้องผ่าตัดที่ปลอดเชื้อ และมีทีมวิสัญญีแพทย์เฉพาะทางคอยเฝ้าระวังอาการอย่างต่อเนื่องครับ”
- คนที่มีปัญหารูปร่างสัดส่วน
- คนที่มีปัญหาไขมันส่วนเกิน
- คนที่ต้องการกระชับสัดส่วนในเวลาอันน้อย
- คนที่ควบคุมอาหาร ออกกำลังกายแล้วแต่ยังคงมีไขมันส่วนเกินอยู่
- คนที่ไม่ค่อยมีเวลาในการออกกำลังกาย หรือคนที่ทำงานแบบที่ต้องนั่งทั้งวัน
“ดังนั้นเมื่อมีคนไข้เข้ามาปรึกษา หมอจะมีการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และทำการประเมินก่อนการพิจารณาทั้งนี้เพราะความปลอดภัยคือสิ่งที่สำคัญที่สุดครับ” สำหรับคนที่ไม่เหมาะกับวิธีการ คือ
- คนที่ยังมีน้ำหนักไม่คงที่ ขึ้นๆลงๆ
- คนที่มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 25
- คนที่มีปัญหาหลอดเลือดหัวใจ
- คนที่มีปัญหาหลอดเลือดสมอง
- โรคเบาหวานที่ยังไม่สามารถคุมระดับน้ำตาลได้
- โรคภูมิแพ้ตัวเอง
- คนที่มีปัญหาหนังท้องย้วย หย่อนยาน “ตรงนี้อาจใช้การผ่าตัดหนังหน้าท้อง หรือง่ายๆแค่ใช้ J-Plasma เครื่องยกกระชับผิวรุ่นใหม่ล่าสุดจากอเมริกาครับ”
แล้วข้อดีข้อเสียมีอะไรบ้างคะอาจารย์หมอ
“ทุกอย่างมี 2 ด้านก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียเช่นกันครับ เราสามารถลดข้อเสียบางข้อได้ การเลือกดูดไขมันที่ไหนดี ควรเลือกโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อความปลอดภัยเป็นหลักครับ”
ข้อดีมีอะไรบ้าง ?
ช่วยปรับลดสัดส่วนให้ดูสมส่วนตามรูปร่างของแต่ละคน
สามารถลดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดได้ตามต้องการ
ใช้เวลาเพียงเล็กน้อยในการลดไขมันส่วนเกินให้มีรูปร่างที่สมส่วน
สามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจได้
แผลเล็กมาก ไม่เป็นแผลเป็น (ต่างจากการศัลยกรรมด้วยวิธีอื่นๆ เช่น การตัดหนังหน้าท้อง)
ช่วยสริมสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตได้
ช่วยให้ใส่เสื้อผ้าสวย ดูดี มีบุคลิภาพดี เพิ่มโอกาสดีๆให้ชีวิตได้ครับ
ข้อควรระวังก็มีเช่นกัน
ไม่ได้ช่วยลดน้ำหนักแต่อย่างใด เพียงแต่ช่วยลดไขมันส่วนเกินเท่านั้น
อาจมีอาการเจ็บระหว่างทำและหลังทำได้ แต่ปัญหาตรงนี้จะหมดไปถ้าเลือกทำในโรงพยาบาลได้ได้มาตรฐาน มีทีมแพทย์วิสัญญีเฉพาะทาง
ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นหลังทำ (โดยทั่วไปประมาณ 1 เดือน) แต่ถ้าแพทย์ที่ทำมีเทคนิคที่ดี จะสามารถลดระยะเวลาตรงนี้ลงได้
มีโอกาสเกิดผิวเปลือกส้ม ผิวไม่เรียบ ผิวหย่อนคล้อยได้ถ้าแพทย์ที่ทำไม่ได้มีความชำนาญมากพอ หรือผ่านเคสมาน้อย
อาจมีอาการบวมช้ำได้
“ ผลลัพธ์ขึ้นกับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นสภาพร่างกายของแต่ละคน ปริมาณไขมันในร่างกาย เครื่องมือที่ใช้ ความชำนาญของแพทย์ มาตรฐานของสถานพยาบาลและห้องปลอดเชื้อ การดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์ และขาดไม่ได้คือแผนก After Care ที่จะช่วยดูแลและเฝ้าติดตามอาการคนไข้ทุกคนครับ ”
ดูดไขมันที่ไหนดีทำไมต้องเลือก รพ. Masterpiece ?
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังคิดปรับรูปร่างสัดส่วน ไม่ว่าจะที่ส่วนใดก็ตาม ต้องรู้ก่อนว่า สิ่งที่เราต้องพิจารณามีอะไรบ้าง? เลือกโรงพยาบาลดีก็สวย แต่ถ้าเลือกสถานพยาบาลผิด อาจได้รับผลเสียหรือเป็นอันตรายได้ ไม่ว่าจะเป็นคลินิกที่ไม่มีมาตรฐาน, ทำแล้วไม่สวยแถมติดเชื้อ, ผิวเปลือกส้มเป็นคลื่น, บวมช้ำเยอะ, ไม่มีทีมแพทย์วิสัญญีเฉพาะทางมาช่วยดมยาหรือฉีดยาชา ถ้าโชคร้ายอาจมีภาวะแทรกซ้อน และอันตรายต่อชีวิตได้
สิ่งที่ต้องพิจารณามีดังนี้
1.สถานพยาบาลน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน แน่นอนว่าการปรับสัดส่วนในโรงพยาบาลย่อมมีความน่าเชื่อถือ ได้มาตรฐาน และมีความพร้อมของทีมแพทย์ เครื่องมือและอุปกรณ์ รวมถึงห้องผ่าตัดที่อาจจะพร้อมกว่า เบื้องต้นให้ดูว่าโรงพยาบาลเป็นอย่างไร เช่น ชื่อเสียง สถานที่ตั้ง ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รีวิวจากคนไข้จริง ราคา เป็นต้น
2.ความชำนาญของแพทย์ หลังจากที่เรารู้แล้วว่า เราสนใจจะปรับรูปร่างสัดส่วน อย่างแรกที่ต้องเช็คเลย คือแพทย์ที่ดูแลเรื่องนี้ให้เรา ไม่ว่าจะเป็น ผลงานของแพทย์ (สามารถดูได้จากรีวิว), ประสบการณ์การทำศัลยกรรมของแพทย์, ความน่าเชื่อถือ, ใบประกอบวิชาชีพ และการให้คำปรึกษาของแพทย์
ซึ่งการเข้าไปปรึกษาแพทย์โดยตรง จะทำให้เรารู้วิธีการประเมินการรักษา ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความน่าเชื่อถือของแพทย์ได้ โดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจริง จะอธิบายให้เราเข้าใจ ให้คำแนะนำเราได้อย่างถูกต้อง วางแผนได้อย่างเหมาะสม (การดีไซน์สัดส่วน ที่รู้ว่าต้องทำตรงไหนออกบ้าง เพื่อให้ได้รูปร่างอย่างที่เราต้องการ) และจะมีการซักประวัติ รวมไปถึงการสอบถามพฤติกรรมของคนไข้ เพื่อประเมินการรักษาอย่างละเอียด
3.เครื่องมือและเทคนิคการ เครื่องมือแต่ละชนิดจะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป เราควรดูว่าสถานพยาบาลนั้นใช้เครื่องแบบไหน มีอะไรบ้าง ผลลัพธ์หลังทำเป็นยังไง วิธีสลายไขมันของโรงพยาบาล อาการต่างๆหลังการทำมีมากน้อยแค่ไหน และที่สำคัญคือเครื่องมือที่ใช้นั้นเหมาะกับวัตถุประสงค์การของเราไหม เป็นต้น
4.ห้องผ่าตัดได้มาตรฐานไหม เพื่อให้ผลลัพธ์ของเรามีความปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายระหว่างการผ่าตัด เราจึงต้องศึกษาข้อมูลเบื้องต้น เกี่ยวกับมาตรฐานของโรงพยาบาล
5.ยาชาหรือการดมยาสลบ หนึ่งในสิ่งที่มีความจำเป็นในการทำศัลยกรรม คือ การลดอาการเจ็บระหว่างทำ สามารถทำได้ทั้งยาชา และดมยาสลบ แต่ละแบบก็จะเหมาะกับแต่ละเคสไป จะเหมาะกับคนที่ไม่กลัวเจ็บ เคยทำศัลยกรรมมาก่อน แต่อาจจะทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บได้บ้าง ทั้งนี้ต้องระวังการใช้ยาชาด้วยเช่นกัน เพราะอาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงขึ้นได้
สำหรับการศัลยกรรมดูดไขมันด้วยการดมยาสลบ จะเหมาะกับคนที่มีความกังวลความเจ็บมาก ไม่อยากมีอาการไม่พึงประสงค์ ช่วยลดความกังวลให้คนไข้ได้ เนื่องจากหลังดมยาแล้ว คนไข้ก็จะหลับ ตื่นอีกทีคืออยู่ในห้องพักฟื้นแล้ว และการดมยาสลบยังเหมาะกับคนไข้ที่ต้องการทำหลายตำแหน่งด้วย และสิ่งสำคัญคือแพทย์ที่ให้ยาสลบจำเป็นต้องเป็นวิสัญญีแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น ศัลยแพทย์หรือพยาบาลไม่สามารถทำให้ได้ ควรมีวิสัญญีแพทย์ดูแลตลอดการผ่าตัด แบบ 1:1 เพื่อความปลอดภัยของคนไข้ ดังนั้นจึงควรตรวจสอบให้มั่นใจว่าสถานพยาบาลนั้นมีการดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์หรือไม่ (ปัจจุบันมีหลายคลินิกที่ใช้พยาบาลหรือศัลยแพทย์เป็นผู้วางยาสลบเอง จึงอาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
6.การให้บริการของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ตั้งแต่เราเข้ามารับบริการ เราจะได้รับบริการจากเจ้าหน้าที่บริการลูกค้า แพทย์ พยาบาล รวมถึง After Care ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดแผล, ชุดกระชับ, เลเซอร์กระชับผิว หรือแม้แต่การนวดกระชับ ดังนั้น ก่อนพิจารณาว่าจะดูดไขมันที่ไหนดี จึงควรเช็คให้ดีว่าโรงพยาบาลนั้นๆมีบริการของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเป็นยังไงบ้าง
7.ราคาและโปรโมชั่นต่างๆ การเลือกปรับรูปร่างกระชับสัดส่วนที่คลินิกทั่วไปเพราะราคาถูกนั้น บางครั้งอาจทำให้พบกับผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง แย่กว่าที่คิด เกิดผลข้างเคียง และอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะทำที่ไหนดี ให้สอบถามราคาให้แน่ใจชัดก่อน อย่างไรก็ตาม ไม่ได้แปลว่าการทำราคาไม่แพงจะไม่มีมาตรฐานเสมอไป บางครั้งเราก็อาจต้องพิจารณาในปัจจัยอื่นๆร่วมด้วย จึงควรพิจารณาดูความเหมาะสมกับสิ่งที่เราจะได้รับด้วย
8.รีวิวจากคนไข้จริง การดูผลงานของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและโรงพยาบาลก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราเห็นภาพเพื่อพิจารณาเลือกโรงพยาบาลที่จะทำได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรีวิวจากคนไข้จริง หน้าท้อง, ต้นแขน, ต้นขา, รีวิวเอวเอส, รีวิวทำ Six pack, รีวิวทำ Sexy line หรือรีวิวดูดไขมันเหนียง เป็นต้น
ไขข้อสงสัยดูดไขมันเจ็บไหม ?
หลายคนที่กำลังตัดสินใจมักจะมีคำถามมากมาย และหนึ่งในคำถามยอดฮิตที่ถามกันมามากคือ “ดูดไขมันเจ็บไหม” บางคนก็บอกว่าเจ็บมาก บางคนก็บอกว่าเจ็บน้อย บางคนบอกเจ็บระบม บางคนบอกว่าไม่เจ็บเลย สงสัยกันมั้ยว่าทำไมความรู้สึกถึงได้ดูหลากหลายมากมายขนาดนี้ จริงแล้วมีปัจจัยมากมายที่ส่งผลต่อความรู้สึกเจ็บ สำหรับใครที่อยากรู้ว่าจริงๆแล้วเป็นอย่างไร วันนี้ “อาจารย์หมอพีท” ศูนย์ดูดไขมันปรับรูปร่างโรงพยาบาล Masterpiece จะมาไขข้อสงสัยกันค่ะ
ดูดไขมันเจ็บไหม “ โดยทั่วไปสาเหตุที่ทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บระหว่างการทำหัตถการ เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยร่วมกันครับ ไม่ว่าจะเป็นระดับความทนของร่างกายคนไข้แต่ละคน, ปริมาณความหนาแน่นของไขมันในบริเวณที่ต่างๆ, ชนิดของเครื่องที่แพทย์ใช้, วิธีการระงับความเจ็บ (ยาชา, ยาสลบ) และที่สำคัญเทคนิคฝีมือของคุณหมอ” (ตรงนี้อาจารย์หมอพีท จะมีเทคนิคพิเศษเฉพาะของท่าน และจากประสบการณ์กว่า 5,000 เคสของอาจารย์ ดังนั้นจึงมั่นใจและสบายใจได้ หลังทำเสร็จ ตื่นมาสบายตัวค่ะ)
“ โดยทั่วไปแล้ว อาจจะมีความเจ็บปวดได้บ้างในขั้นตอนการฉีดยาชาหรือการวางยาสลบก่อนครับ หลังจากนั้นคนไข้จะหลับสบายไม่รู้สึกเจ็บ แต่สำหรับสถานพยาบาลบางแห่ง อย่างเช่น คลินิกบางแห่ง ก็ต้องยอมรับครับว่าส่วนใหญ่มักจะไม่มีทีมวิสัญญีแพทย์ช่วยดมยาสลบหรือให้ยาชา ทั้งนี้เพื่อลดต้นทุนลง ให้สามารถทำราคาถูกได้ ตรงนี้อาจจะทำให้เจ็บได้ และการที่ต้องฉีดยาชาหรือดมยาโดยแพทย์ที่ไม่ใช่วิสัญญีนั้น อาจอันตรายถึงชีวิตด้วยนะครับ”
Q : แล้วการใช้ยาชาเฉพาะที่ กับ การดมยาสลบ ต่างกันยังไงคะอาจารย์ ?
“ คำถามนี้มีคนไข้ที่เข้ามาปรึกษาถามผมเยอะมากครับ ก่อนอื่นผมต้องบอกอย่างนี้ การใช้ยาชาเฉพาะที่ คนไข้จะรู้สึกตัวตลอดเวลา สามารถพูดตอบโต้กับแพทย์ได้ คนไข้ไม่ต้องอยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น และไม่ต้องงดน้ำงดอาหารก่อนการทำ ซึ่งแพทย์จะฉีดยาชาเข้าไปในบริเวณที่ต้องการดูด (เช่น หน้าท้อง, ต้นแขน, ต้นขา, น่อง และเหนียง) โดยยาชาจะใช้เวลาในการออกฤทธิ์ประมาณ 2-3นาที ซึ่งยาชาเฉพาะที่ จะเข้าไปยับยั้งการส่งกระแสประสาทที่จะถูกส่งไปยังสมอง จึงทำให้คนไข้ไม่รู้สึกเจ็บ เพียงแค่รับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวในบริเวณดังกล่าวได้ครับ”
“สำหรับการวางยาสลบนั้นหมอจะมีการคุย ซักประวัติ และตรวจร่างกายคนไข้ รวมถึงแนะนำวิธีการเตรียมตัวก่อนการวางยาสลบด้วยเสมอ จากนั้นก็มีการประชุมกับทีมวิสัญญีแพทย์เฉพาะทางเพื่อวางแผนการดมยา การประเมินความเสี่ยงและการผ่าตัด จากนั้นในวันที่ทำการกับทีมวิสัญญีแพทย์เฉพาะทางจะคอยดูแลคนไข้ตลอดการผ่าตัดด้วย เราทำงานกันเป็นทีม เพราะเรามองว่าความปลอดภัยของคนไข้มาเป็นที่ 1 ครับ”
สำหรับข้อดีของการดมยาสลบ คือ
- คนไข้จะหลับ ไม่รู้สึกตัว จึงไม่รู้สึกเจ็บ และไม่ต้องรับรู้ความเป็นไปในห้องผ่าตัด
- หมอจะสามารถทำหัตถการออกมาได้ง่าย เยอะ และรวดเร็วมากขึ้น
- เหมาะกับคนไข้ที่กังวลการผ่าตัด หรือคนไข้ที่กลัวเจ็บมากๆ
ข้อเสียของการดมยาสลบก็มีครับ คือ“ผลข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้มากกว่าการฉีดยาชา แต่ข้อกังวลตรงนี้จะหมดไปถ้าการดมยาสลบนั้นทำโดยทีมวิสัญญีแพทย์เฉพาะทางครับ เนื่องจากทีมวิสัญญีแพทย์จะวางแผนรับมือกับผลข้างเคียง ภาวะแทรกซ้อน หรือเหตุการณ์ต่างๆที่คาดไม่ถึง เพื่อรักษาและแก้ไขได้อย่างทันท่วงทีอยู่แล้วครับ”
ศูนย์ดูดไขมันปรับรูปร่างโรงพยาบาล Masterpiece เองก็มีการระงับความเจ็บปวดทั้งรูปแบบการฉีดยาชาและการวางยาสลบโดยทีมวิสัญญีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง รวมถึงเครื่องมืออุปกรณ์ฉุกเฉินต่างๆ รวมถึงห้องผ่าตัดที่ปลอดเชื้อ ได้มาตรฐานระดับสากล นอกจากนั้นเรายังมีทีมดูแลคนไข้ทั้งก่อนทำและหลังทำ รวมถึงมียาแก้เจ็บแก้ช้ำสูตรเฉพาะของโรงพยาบาลให้ทานอีกด้วย ที่สำคัญอาจารย์หมอพีท ของเรามือเบามาก แถมมีเทคนิคพิเศษ ทำให้หลังทำตื่นมาสบายตัว แผลเล็ก ช้ำน้อย พักฟื้นไม่นาน สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตั้งแต่หลังทำ เพียงแค่งดออกกำลังกายหรือยกของหนักในช่วง 1 เดือนแรกเท่านั้น ดูได้จากการคะแนนความเจ็บของหลังจากการทำที่โรงพยาบาลมีการเก็บ คะแนนที่ได้จะอยู่ที่ 1-2 คะแนนเท่านั้น (จาก 10 คะแนน) นั่นหมายถึงว่าเจ็บน้อยมากๆ จนถึงแทบไม่เจ็บเลย!
การดูดไขมันอันตรายไหม ?
อีก 1 คำถามที่หลายคนก่อนการตัดสินใจอยากทราบกันคือ ดูดไขมัน อันตรายไหม? วันนี้วันนี้ “อาจารย์หมอพีท” แพทย์เฉพาะทาง ศูนย์ปรับรูปร่างกระชับสัดส่วนโรงพยาบาล Masterpiece รวบรวมคำตอบมาให้แล้วค่ะ
ในอดีตคลินิกปรับรูปร่างที่ไม่ได้มาตรฐานมีอยู่ทั่วไป เทคโนโลยีก็ยังไม่ทันสมัยอย่างในปัจจุบัน หมอเถื่อนหมอกระเป๋าก็มีมาก อีกทั้งแพทย์ที่ดมยาสลบก็ไม่ใช่ทีมวิสัญญีแพทย์เฉพาะทาง ทำให้คนไข้ต้องตกอยู่ในความเสี่ยงและอันตรายได้มากกว่าในปัจจุบัน ห้องผ่าตัดเองก็ไม่ได้มาตรฐาน ปลอดเชื้อ ทำให้มีผลข้างเคียงมากมาย มีการบวมช้ำมากจนต้องพักฟื้นหลายวัน ปัจจุบันศัลยกรรมการดูแลปรับสัดส่วนมีการพัฒนาขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี เครื่องมือ หรือแม้แต่เทคนิคการของแพทย์ และห้องผ่าตัดที่ได้รับมาตรฐานมากขึ้น หลายคนที่สนใจยังคงมีคำถามมากมายไม่ว่าจะอันตรายไหม, อันตรายที่จะเกิดมีอะไรบ้าง
อันตรายจากการรักษานี้มีมากน้อยเพียงใด ?
ในปัจจุบันมีความปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยมากขึ้น แพทย์มีความชำนาญมากขึ้น ห้องผ่าตัดที่ทันสมัยและได้มาตรฐานมากขึ้น ทั้งนี้ถ้าทำโดยแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญอาจทำให้เกิดปัญหาไขมันอุดตันเส้นเลือด, เกิดเลือดออกในบริเวณที่ทำ เนื่องจากเข็มที่ใช้แทงทะลุกล้ามเนื้อหรืออวัยวะภายใน หรือแม้แต่แผลบวมช้ำ ปัจจุบันเนื่องจากเทคนิคของแพทย์ที่ดีขึ้น และมีการใช้ Tumescent ที่ประกอบด้วยน้ำเกลือ ยาชา ยาห้ามเลือด และอื่นๆขึ้นกับแต่ละสถานพยาบาลมาช่วย จึงสามารถช่วยลดปัญหาเหล่านี้ลงได้
การดมยาและการวางยาชาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ เนื่องจากจะไปช่วยลดอาการเจ็บปวดจากศัลยกรรมดูดไขมันลงได้ ซึ่งสามารถใช้ได้กับทุกตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็น หน้าท้อง, ต้นขา, ต้นแขน, เหนียง, เอวเอส, การทำ Sexy Line หรือแม้กระทั่งการทำ Six packs วิธีการวางยาชานั้นคนไข้จะยังคงรู้สึกตัวได้บ้าง ตอบสนองกับแพทย์ได้ คนไข้จะรู้สึกถึงแรงกดบริเวณที่ทำศัลยกรรม และอาจมีเจ็บบ้างเล็กน้อย สำหรับวิธีการดมยาสลบ จะเป็นการให้ยาเพื่อให้คนไข้หมดสติ อยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น ไม่รู้สึกตัว หลังตื่นขึ้นมาอาจรู้สึกมึนงง หรืออาจมีอาการคลื่นไส้ได้บ้าง ซึ่งทั้งวิธีการดมยาสลบและการวางยาชานั้นจำเป็นต้องทำโดยวิสัญญีแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น เนื่องจากอาจอันตรายถึงชีวิตได้
เครื่องดูดไขมันนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัย
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีได้พัฒนามามากก็มีหลายแบบซึ่งมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป เครื่องที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเครื่องหนึ่งคือ VASER® ที่เป็น Ultrasonic Assisted Liposuction โดยเป็นการใช้คลื่นพลังงานเสียงสั่นจนเกิดพลังงานความร้อนเพื่อทำให้เซลล์ไขมันแตกตัว ละลาย แล้วจึงดูดออกมา วิธีนี้สามารถดูดปริมาณไขมันออกมามากที่สุดวิธีหนึ่ง จึงเหมาะกับบริเวณหน้าท้อง คนที่ตัวใหญ่ หรือคนที่ต้องการให้ไขมันออกมาในปริมาณมากๆ เห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน แถมยังใช้เวลาน้อย ลดการทำลายเส้นเลือด เส้นประสาท ลดการเสียเลือด และสามารถเข้าถึงจุดที่เข้ายากๆได้ เช่น บริเวณที่มีพังผืด อาจจากเคยทำมาก่อนแล้ว หรือคนที่มีไขมันและกล้ามเนื้อเยอะๆ หรือคนที่เคยอ้วนมานานแล้วมีพังผืดอยู่เต็มไปหมด ทั้งนี้หลังที่ทำด้วยเครื่อง VASER® อาจต้องพักฟื้นหลังทำบ้าง และมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนสูงถ้าแพทย์ไม่ชำนาญมากพอ อาจไปกระทำที่ชั้นตื้นที่ติดกับผิวหนัง เกิดเป็นรอยไหม้ เป็นคลื่นบุ๋ม ผิวส้ม หรือเป็นไตแข็งๆได้ แต่ถ้าทำกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ปัญหาเหล่านี้ก็แทบจะไม่เกิดขึ้น
Post Views: 84